ผู้เขียน หัวข้อ: บริหารจัดการอาคาร: วิธีลดค่าไฟแอร์ เลือกทำเพียง 1 ข้อ ก็ประหยัดได้แล้ว  (อ่าน 148 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 589
    • ดูรายละเอียด
ค่าไฟกำลังจะปรับเพิ่มขึ้นอีกแล้วในเดือนพฤษภาคมนี้  ประกอบกับอากาศอุณหภูมิสูงขึ้น แอร์ทำงานหนักขึ้น ค่าไฟย่อมสูงขึ้นอย่างแน่นอน หากเป็นไปได้ ขอเสนอให้หันมาปลูกต้นไม้บังแสงแดด ออกแบบบ้านคำนึงถึงกฏเกณฑ์ธรรมชาติ ใช้วัสดุกันความร้อน หลักการเหล่านี้สามารถลดค่าไฟได้จริงอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังทำให้บ้านเย็นสบายอีกด้วย แต่อาจไม่ทันใจหลายท่านเท่าไหร่นัก เพราะเครื่องปรับอากาศสมัยใหม่ เพียงแค่กดปุ่มไม่กี่นาที ก็เย็นชื่นใจกันแล้ว เป็นธรรมดาของมนุษย์เรา ที่มักหันมาพึ่งพาสิ่งที่แก้ปัญหาได้โดยทันที มากกว่าวิธีที่ยั่งยืนได้ผลช้า แถมยังยุ่งยากเหนื่อยแรงอีกด้วย แต่ไม่เป็นไรครับ ค่อยๆ ปรับแก้กันไป ค่อยๆ ทำความเข้าใจและปรับใช้กันให้มากขึ้น สักวันหนึ่ง เชื่อว่าผู้คนส่วนใหญ่ย่อมต้องหันมาใช้วิธียั่งยืนอย่างแน่นอน

ทั้งหมดที่เกริ่นมานี้ ไม่ได้ต้องการบอกว่า ให้เลิกใช้แอร์ แต่ต้องการจะสื่อให้เห็นว่า ยังมีอีกหลายวิธี ที่จะช่วยเสริมให้บ้านเย็นและเราสามารถใช้ควบคู่กับแอร์ได้ ซึ่งจะทำให้ลดค่าใช้จ่ายภายในบ้านได้อีกด้วย สำหรับวันนี้​นำวิธีลดค่าไฟแอร์มาฝาก เพื่อให้ได้ใช้พลังงานทุกหน่วยอย่างคุ้มค่าให้ถึงที่สุดกันครับ โดยจะแบ่งไว้สองส่วนหลัก และ 10 ข้อย่อย ดังนี้


1. ติดตั้งแอร์ให้ถูกตำแหน่ง ตำแหน่งที่เหมาะสมในการติดตั้งนั้น ควรเป็นตำแหน่งที่สามารถกระจายความเย็นได้อย่างทั่วถึงโดยไม่มีอะไรมาบดบังทิศทางลม กรณีเป็นห้องนอน อาจให้อยู่ปลายเตียง ข้างเตียง แต่ไม่ควรใกล้หรือสูงจนเกินไป เพราะจะกลายเป็นนอนใต้แอร์​ ซึ่งทำให้ลมเย็นพัดข้ามผ่าน และไม่ไกลจนเกินไป เพราะระยะทางทำให้ความเย็นลดลง ผู้ใช้จำเป็นต้องปรับอุณหภูมิแอร์ที่ตำกว่าปกติ ส่งผลให้เปลืองค่าไฟได้ ทิศทางของผนังก็มีผลต่อการทำความเย็น หากเป็นไปได้ ควรหลีกเลี่ยงติดตั้งแอร์ในทิศทางที่โดนแสงแดดโดยตรงเพราะจะส่งผลให้แอร์ทำงานหนักกว่าปกติในช่วงกลางวัน

2. เลือก BTU ให้เหมาะสมกับขนาดห้อง ขนาด BTU ที่ต่ำ ไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ว่า จะทำให้ประหยัดค่าไฟ ความเหมาะสมเท่านั้น ที่จะสามารถประหยัดได้ดีที่สุด สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : การคำนวณ BTU กับขนาดของห้อง

3. ปกปิดอย่างมิดชิด หลักการทำความเย็นของแอร์ จะคอยควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ ตามที่ผู้ใช้ได้กำหนดค่าอุณหภูมิไว้ หากห้องดังกล่าวอยู่ในลักษณะเปิด ความเย็นภายในจะออกสู่ภายนอก ทำให้แอร์ทำงานหนักตลอดเวลา ควรปิดประตู หน้าต่าง ให้มิดชิด ติดผ้าม่านหนาๆ หากชอบหน้าต่างกระจก แนะนำให้ใช้กระจกฟิล์มดำ กระจกป้องกันความร้อน หากห้องมีขนาดกว้างมาก อาจใช้ผ้าม่านกั้นแอร์ มาเป็นฉากกั้นห้อง ก็สามารถช่วยควบคุมได้ระดับหนึ่ง

4. ติดตั้งคัทเอาท์แยกสำหรับแอร์ : โดยส่วนใหญ่แล้ว เรามักนิยมปิดแอร์ด้วยรีโมทเพียงอย่างเดียว หลายท่านอาจไม่ทราบว่า แม้จะปิดแอร์แล้ว แต่ระบบไฟฟ้ายังคงทำงานอยู่ แม้จะมีอัตราสิ้นเปลืองที่ไม่มากก็ตาม การปิดคัทเอาท์ จะเป็นการปิดการทำงานแอร์อย่างสมบูรณ์ แม้จะลดพลังงานไปเพียงนิด แต่ก็ทำให้ลดลงได้ครับ อีกทั้งยังมีกรณีศึกษา แอร์บางรุ่น จะมีระบบรีเซ็ทอัตโนมัติ เช่น กรณีไฟฟ้าดับ หลังจากไฟฟ้าติดปกติ แอร์จะเปิดการทำงานขึ้นเองอัตโนมัติ หากผู้ใช้ไม่อยู่บ้าน กรณีไม่ปิดคัทเอาท์ แอร์อาจทำงานอัตโนมัติได้ครับ ทั้งนี้การฝึกปิดคัทเอาท์ให้ติดเป็นนิสัย ยังช่วยส่งผลให้ผู้ใช้ รู้จักปิดและถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ เป็นพฤติกรรมติดตัวไปอีกด้วย

5. ถ่ายเทอากาศ : ก่อนเข้าห้อง หากเป็นช่วงยามเย็น แนะนำให้เปิดประตู เปิดหน้าต่าง ทิ้งไว้ เพื่อให้อากาศหมุนเวียน ไล่ลมร้อนภายในห้องออก รับลมใหม่จากภายนอกเข้า

6. เปิดแอร์ในอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 25 องศา ประมาณ 26-28 องศาได้ยิ่งดี เพราะโดยปกติแล้ว ร่างกายของมนุษย์ จะสามารถรับความเย็นระดับ 27 องศาได้อย่างสบายตัว ไม่หนาว ไม่ร้อนจนเกินไป แต่หากรู้สึกร้อน อาจปรับมาสัก 26 องศา และหากรู้สึกเย็น สามารถปรับขึ้นได้ ยิ่งปรับขึ้นยิ่งประหยัด แต่ไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นจนรู้สึกร้อน เพราะจะเป็นการใช้แอร์ผิดวัตถุประสงค์ คลิกอ่าน อุณภูมิแอร์ที่ประหยัด

7. หากต้องการประหยัดมากกว่าเดิม อาจปรับอุณหภูมิเพิ่มขึ้นแล้วใช้เทคนิคพัดลมช่วย พัดลมจะสามารถช่วยพัดความเย็นได้อย่างดีขึ้น จึงไม่จำเป็นต้องปรับอุณหภูมิให้ต่ำมากนัก โดยปกติแล้วพัดลมจะใช้พลังงานน้อยกว่าแอร์หลายเท่า แม้จะเปิดพัดลม 10 ตัว ก็ยังใช้พลังงานน้อยกว่าแอร์เพียง 1 ตัว

8. ใส่เสื้อผ้าบาง ในช่วงหน้าร้อน การใส่เสื้อผ้าบางๆ ช่วยคลายความร้อนได้ดี ทั้งในช่วงเวลาปกติ และในช่วงของการนอน เสื้อผ้าบางๆ ช่วยให้สัมผัสความเย็นของแอร์ได้รวดเร็ว รวมถึงผ้าห่ม ไม่ควรห่มผ้าหนา ควรเลือกผ้าบางและเย็น เช่น ผ้าแพร เป็นต้น

9. ลดการใช้งาน ปัจจุบันแอร์ทุกรุ่น สามารถตั้งเวลาปิดได้ ผู้ใช้อาจคำนวณจากเวลาตื่น เช่น ตื่นประมาณ 6 โมงเช้า ให้แอร์ทำงานถึง 5 โมงเช้าก็เพียงพอแล้ว เพราะตอนรุ่งเช้า อากาศภายนอกไม่ร้อนมากนัก เมื่อรวมกับอุณหภูมิภายในห้องที่สะสมความเย็นมาทั้งคืน ความเย็นภายในห้อง ยังเป็นระดับที่กำลังสบายครับ

10. ปิดการใช้งาน อย่างไรก็ตาม วิธีที่จะประหยัดได้ดีที่สุดนั้นคือ ปิดการใช้งาน ข้อนี้ ไม่ได้หมายถึงห้ามใช้ แต่ให้รู้จักใช้อย่างรอบคอบ คุณผู้อ่านอาจหาพื้นที่พักผ่อนในสวนข้างบ้าน ทดแทนการอยู่ภายในบ้าน หรือหาทำกิจกรรมอื่นๆ มาทำ เช่น ออกกำลังกายนอกบ้านยามเย็น สิ่งเหล่านี้ เป็นการแทรกกิจกรรมมาทดแทน ได้ทั้งสุขภาพกาย สุขภาพใจที่ดี อีกทั้งยังช่วยให้ประหยัดค่าไฟได้อย่างดีเลยครับ

สำหรับเทคนิคการประหยัดค่าไฟแอร์ ทุกข้อที่กล่าวมานี้ ไม่จำเป็นต้องทำให้ครบทั้งหมด เพียงแต่ลองสำรวจดูว่า ข้อไหนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้บ้าง แม้เป็นเพียงข้อเดียวที่นำไปปฏิบัติจริงได้ ก็ย่อมช่วยให้ลดค่าไฟลงไปจากเดิมได้แล้วครับ และอย่าประหยัดจนเครียด อย่าปรับอุณหภูมิสูง จนไม่เกิดความเย็น ความสมดุลอย่างเหมาะสม เป็นสุขอย่างยิ่งครับ

บริหารจัดการอาคาร: วิธีลดค่าไฟแอร์ เลือกทำเพียง 1 ข้อ ก็ประหยัดได้แล้ว อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://snss.co.th/dt_post/technical-services/

 

ลงประกาศฟรี โฆษณาฟรี ลงประกาศขายบ้านฟรี ลงประกาศขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ขายรถ สินค้าอุตสาหกรรม อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว โปรโมทสินค้าฟรี เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ Google