ผู้เขียน หัวข้อ: all new mitsubishi triton 2024: New Mitsubishi Triton Double Cab GT-P 4WD ครบเคร  (อ่าน 602 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 589
    • ดูรายละเอียด
all new mitsubishi triton 2024: New Mitsubishi Triton Double Cab GT-P 4WD ครบเคร
« เมื่อ: 27 สิงหาคม 2024, 16:56:41 pm »
all new mitsubishi triton 2024: New Mitsubishi Triton Double Cab GT-P 4WD ครบเครื่อง กระบะพรีเมี่ยมสุดเท่

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส สร้างสรรค์ยนตกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการของคนทั่วโลก ด้วยรถกระบะหนึ่งตันที่ครบเครื่องทั้งในการใช้งานทุกรูปแบบ ความทนทาน ความสมบุกสมบัน ที่รวมไว้ในคันเดียว ทำให้เป็นที่นิยมและครองใจมายาวนาน


ความแข็งแกร่ง ทนทาน ที่สั่งสมมาตลอด 40 ปี เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความไว้วางใจของผู้ใช้รถทีมีต่อกระบะ Mitsubishi จากรุ่นสู่รุ่นตั้งแต่ Mitsubishi L200 Aston (เฉินหลง), Cyclone, Strada และล่าสุดกับ Mitsubishi Triton Big Minor Change เปิดตัวครั้งแรกในโลกที่เมืองไทย เมื่อ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มาครบทุกตัวถัง ตั้งแต่ รุ่นตอนเดียว Single cab, แค็บตอนครึ่ง Mega Cab และ 4 ประตู Double Cab ในรูปแบบขับเคลื่อนสองล้อยกสูง Plus และขับเคลื่อน 4 ล้อ

พบกันอีกครั้งแตกต่างจากครั้งที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิงเพราะเป็นการปรับโฉมครั้งใหญ่หรือ Big Minor Change ในเรือนร่างเดิมเริ่มกันที่ภายนอกออกแบบใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ Rock Solid พร้อมรูปลักษณ์แบบ Advanced Dynamic Shield หนักแน่น ลงตัว เส้นสายอันดุดันของฝากระโปรงหน้า กระจังหน้าดีไซน์เอกลักษณ์ ไฟหน้าใหม่ Projector Bi-LED และไฟ LED Daytime อยู่ในโคมเดียวกันติดตั้งอยู่บนตำแหน่งที่สูงขึ้นกว่ารุ่นเดิมถึง 100 มม. พร้อมกันชนหน้าดีไซน์เท่ไฟตัดหมอกหน้าที่ออกแบบให้สูงขึ้นกว่ารุ่นเดิมถึง 700 มม. โดยเหตุผลที่ออกแบบให้ไฟหน้าและไฟตัดหมอกให้สูงขึ้นนั้นเพื่อทัศนวิสัยในการมองเห็นชัดขึ้นรวมถึงสามารถลุยน้ำท่วมได้อย่างสบายๆ


ด้านข้างดีไซน์ใหม่ลงตัวด้วยส่วนโค้งมนตัดกับเส้นสายอันโฉบเฉี่ยวพร้อมซุ้มล้อขนาดใหญ่ดีไซน์ขึ้นรูปไร้คิ้วพลาสติกขึ้นรูปครอบเข้าบังโคลนล้อ พร้อมบันไดข้างเข้ารูปชิ้นเดียว กระจกมองข้างโครเมี่ยมพร้อมไฟเลี้ยวดีไซน์คุ้นเคยจากรุ่น Pajero Sport เน้นความดุน่าเกรงขามสามารถปรับ-พับด้วยระบบไฟฟ้า ล้ออัลลอยมาครั้งนี้ลายใหม่ทูโทนใหญ่สุด 18 นิ้ว พร้อมยาง 265/60 R18 พร้อมที่เปิดประตูโครเมี่ยมขนาดใหญ่ ที่ขาดไม่ได้เลยคือ เส้นสาย J-Line ออกแบบช่องไฟระหว่างด้านหลังตัวรถและแนวกระบะเป็นแนวทางเดียวกัน ฝากระบะท้ายยังคงดีไซนเดิมเพิ่มเติมด้วยสปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 ไฟท้ายและไฟเบรก LED พร้อม LED Light Guide ดีไซน์คล้ายกับรุ่น Pajero Sport และกันชนหลังใหม่ดีไซน์เรียบง่ายสีเทาอ่อน


มิติตัวรถในรุ่นท็อปสุด Double Cab GT-Premium 4WD ปรับรายละเอียดเล็กน้อยเพื่อให้เข้ากับมาดใหม่ที่โดนใจ ตั้งแต่ความยาว 5,300 มม. (รุ่นเดิมยาว 5,280 มม.) ความกว้าง 1,815 มม. ความสูง 1,795 มม. (รุ่นเดิมสูง 1,780 มม.) ฐานล้อ 3,000 มม. ความสูงจากใต้ท้องรถ 220มม. (รุ่นเดิมสูง 205 มม.) น้ำหนัก 1,960 กก. (รุ่นเดิมน้ำหนัก 1,870 มม.) ความจุถังน้ำมัน 75 ลิตร ส่วนกระบะท้ายของรุ่น Double Cab GT-Premium 4WD ยังมีขนาดเท่าเดิมตั้งแต่ความยาวกระบะภายใน 1,470 มม. ความกว้างกระบะภายใน 1,520 มม. และความสูงกระบะภายใน 475 มม. เรียกว่าขนของบรรทุกกันอย่างเต็มรูปแบบกันทีเดียว

เปิดประตูสู่ความเข้มขรึมสุขุมต้องผ่านด่านการใช้งานของกุญแจอัจฉริยะ KOS แค่กดปุ่มสีดำเล็กๆจากก้านที่เปิดประตูก็สามารถปลดล็อกได้สบายๆ พร้อมปุ่ม Push Start สะดวกในการสตาร์ทรถ ชุดเบาะนั่งทำจากวัสดุกึ่งหนังแท้สีดำ ปรับระดับได้ 8 ทิศทางด้วยระบบไฟฟ้า โดยโครงสร้างเบาะยังคงเดิมแต่ปรับรายเละเอียดใหม่ให้นั่งสบายโอบกระชับขึ้น เบาะหลังยังเป็นจุดเด่นที่นั่งสบายสุดในอันดับต้นๆ พร้อมที่วางแขนและที่วางแก้วน้ำในตัว หมอนรองศีรษะ 3 ตำแหน่ง พร้อมที่พักแขนและที่วางแก้วน้ำในตัว เอาใจพ่อบ้านด้วยจุดยึดเบาะเด็ก ISOFIX 2 ตำแหน่งสำหรับติดตั้งเบาะเด็กเพื่อความปลอดภัยและความห่วงใยสำหรับเจ้าตัวเล็ก


ชุดแผงคอนโซลหน้าดีไซน์เดิม แต่ปรับในส่วนคอนโซลกลาง คอนโซลเกียร์จนถึงที่เท้าแขน ตั้งแต่แผงช่องแอร์ซ้าย-ขวา รวมถึงปุ่มการใช้งานง่ายกว่ารุ่นเดิม หรูหราประณีตขึ้นด้วยวัสดุบุนุ่มตัดเย็บที่บริเวณกล่องคอนโซลข้างคนขับ ที่วางแขนและเบรกมืออย่างพิถีพิถัน พร้อมช่องวางของและช่อง USB 2 จุดสำหรับด้านหลังกล่องที่เท้าแขน

ออพชั่นจากรุ่นที่แล้วยังคงคับคั่งเช่นเดิมทั้ง เครื่องเสียง 2 DIN พร้อมจอสัมผัส 7 นิ้ว เล่น DVD และระบบนำทางพร้อมช่องเสียบ USB เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ Dual-Zone แยกอุณหภูมิอิสระซ้าย-ขวา ครั้งแรก!! แอร์เพดานพร้อมแผงควบคุมบนหลังคาให้ความเย็นสบายในอีกรูปแบบจากเดิมจะอยู่หลังกล่องคอนโซลกลาง มาตรวัดเรืองแสงคราวนี้ชัดเจนขึ้นด้วยระบบกับจอแสดงข้อมูล MID 3 มิติ และข้อความภาษาไทย พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นทรงเดิม 4 ก้าน ควบคุมการทำงานต่างๆทั้ง ปุ่มควบคุมการทำงานเครื่องเสียง ในด้านซ้ายและปุ่ม Cruise Control ในด้านขวา เพิ่มปุ่มควบคุมการทำงานของมาตรวัดแสดงจอ MID และปุ่มรับโทรศัพท์และยังสามารถปรับระดับได้ 4 ทิศทาง ทั้งสูง-ต่ำ กับ เข้า-ออกได้เช่นเดิม


ถึงจะเป็นการปรับโฉมครั้งใหญ่แต่ความแรงความเร้าใจคงเดิมด้วยเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแปรผันรหัส 4N15 Mivec Clean Diesel 2.4 ลิตร 181 แรงม้าที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ที่ 2,500 รอบ/นาที ตอบโจทย์สาวกรักความประหยัดน้ำมันด้วย ระบบ Auto Stop & Go ระบบตัดการทำงานเครื่องยนต์ชั่วคราวเมื่อรถจอดหยุดนิ่ง ให้ค่า CO2 ถึง 202 กรัม/กิโลเมตร อัตราสิ้นเปลืองตามข้อมูลโรงงานทำได้ 13.2 กม./ลิตร จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ลูกใหม่แทนลูกเดิม 5 สปีด พร้อมระบบ Sport Mode +/- ในกรณีที่ต้องการเร่งแซงสามารถและยังมี Paddle Shift หลังพวงมาลัย เพิ่มความสนุกในการขับขี่มากขึ้นดุจรถสปอร์ตสมรรถนะสูง และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ให้เลือกสำหรับคนหัวใจสปอร์ต


ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Super Select 4WD II ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกันกับรุ่น Pajero Sport นำระบบ Part -Time และ Full-Time เข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งจะมีทั้ง 2H, 4H, 4HLc และ 4LLc โดยระบบนี้ เหมาะสำหรับการขับขี่ทุกรูปแบบไม่ว่าเส้นทางจะหนักโหดสไตล์ Off-Road หรือเบาแบบ On-Road ก็ตาม และยังเพิ่มฟังก์ชั่นใหม่ด้วยระบบ Off Road Mode แบ่งเป็นสี่โหมดสำคัญ ได้แก่ Gravel , Mud/ Snow , Sand และ Rock (ในตำแหน่ง 4LLc - ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตราทดความเร็วต่ำเท่านั้น) พร้อมกันนี้ยังติดตั้งเฟืองท้ายแบบ Diff-Lock หรือ ระบบล็อกเพลาหลังควบคุมด้วยไฟฟ้า ช่วยให้สามารถผ่านเส้นทางสุดโหดของการขับขี่ Off-Road


การทดสอบครั้งนี้จัดอยู่ในสนามออฟโรดที่ทาง Mitsubishi Motors ออกแบบมาเพื่องานนี้กลางทะเลสาบเมืองทองธานี แต่ด้วยเวลากระชั้นชิด ขับในสนามละ 1 รอบทำให้อรรถรสในการขับอาจไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย เริ่มที่ การขับทดสอบเริ่มจากสนามแรก Flat Dirt Course เส้นทางเพื่อทดสอบในเรื่องอัตราเร่ง การบังคับควบคุมรวมถึงระบบช่วงล่างบนถนนที่เต็มไปด้วยทางฝุ่นกรวด ทราย บอกได้เลยว่าด้วยแรงบิดมหาศาล 430 นิวตันเมตร พาน้ำหนักเกือบ 2 ตัน พุ่งทะยาน ฉับไว ขับสนุก กำลังเหลือๆเช่นเดิม พวงมาลัยพาวเวอร์ แร็คแอนด์พีเนี่ยน แบบน้ำมัน วงเลี้ยวแคบคมแม่นยำในการบังคับควบคุม การเปลี่ยนเลน ในสภาพถนนขุรขระ รวมถึงทางเรียบราดยางมะตอย


ระบบช่วงล่างยังเป็นด้านหน้าแบบอิสระปีกนกคู่พร้อมคอยล์สปริงพร้อมเหล็กกันโคลงหน้า และด้านหลังแบบแหนบแผ่นซ้อนโช้คอัพไขว้ Leaf Springs พร้อมเหล็กกันโคลงหน้า ปรับในส่วนช่วงล่างโดยเซ็ตใหม่ให้ความนุ่มนวลขึ้น หนึบขึ้น เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม  การเก็บเสียงยังคงทำผลงานได้ดีเช่นเดิม ถึงสภาพทางขุรขระมีแรงสะเทือนก็ตาม เพราะติดตั้งอุปกรณ์ดูดซับเสียงตามจุดต่างๆในห้องโดยสาร และที่ห้องเครื่องยนต์ บังโคลนหน้ารถ ด้านระบบเบรกใช้ดิสก์เบรกล้อหน้าขนาดใหญ่ขึ้นเดิม พร้อมคาลิปเปอร์ 2 Pot ให้ความทันใจในการเบรกมากขึ้นกว่ารุ่นเดิม


ย้ายมาที่สนามทางวิบากหรือ Off-Roadหลังทดสอบเส้นทาง เพื่อทดสอบระบบขับเคลื่อน 4 ล้อพละกำลัง เครื่องยนต์ และระบบสนับสนุนการขับขี่เริ่มที่สถานีไต่เนินสูงหรือ Up Hill ขึ้นลงทางลาดชันโดยไฮไลต์อยู่ระบบควบคุมความเร็วลงทางลาดชัน หรือ HDC ติดตั้งในรุ่นท็อปสุดบอกได้เลยว่าจับอาการหน่วงได้ดี ไม่มีอาการกระตุกขณะระบบทำงาน ถือว่าดีอันดับต้นๆในกลุ่มรถกระบะเมืองไทย สถานีทางเอียงซ้าย Bank Slope และ เนินเอียงสลับซ้าย-ขวา หรือ Twist Track และสถานีทดสอบช่วงล่าง หรือ Suspension Stroke โดยทั้งสามสถานีที่กล่าวมาเน้นที่ระบบช่วงล่างให้การเกาะถนนและทรงตัวดีเยี่ยมแม้จะอยู่บนทางทีมีความเอียง


ตัวช่วยด้านความปลอดภัยเต็มคันทั้งระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว Forward Collision Mitigation System (FCM) ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ เมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว Ultrasonic Misacceleration Mitigation System (UMS) ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตาพร้อมระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน Blind Spot Warning With Lane Change Assist (BSW with LCA) ระบบปรับไฟสูง-ต่ำ อัตโนมัติ Automatic High Beam (AHB) กล้องมองภาพรอบคัน ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด Raer Cross Traffic Alert (RTCA) ฯลฯ

ภาพลักษณ์เดิมๆของ Mitsubishi Triton ได้จบสิ้นเมื่อรุ่นปรับโฉมครั้งใหญ่ออกมา หน้าตาใหม่สไตล์ Advanced Dynamic Shield ผสมกันระหว่างรุ่น Pajero Sport กับXpander จนลงตัว คิ้วขอบล้อที่ออกแบบ Built-In และความสบายภายในห้องโดยสารที่กว้างกว่าใครพร้อมออพชั่นจัดมาครั้งนี้เต็มรูปแบบ เต็มคัน ทำให้New Mitsubishi Triton Double Cab GT-Premium 4WD เป็นอีกตัวเลือกอันดับต้นๆที่สิงห์รถกระบะชาวไทยให้ความสนใจกันเป็นจำนวนมากในราคา 1,099,000 บาท

ขอขอบคุณ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ที่เชิญทีมงาน Autodeft.com เข้าร่วมกิจกรรมทดสอบรถยนต์ New Mitsubishi Triton Double Cab GT-Premium 4WD

 

ลงประกาศฟรี โฆษณาฟรี ลงประกาศขายบ้านฟรี ลงประกาศขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ขายรถ สินค้าอุตสาหกรรม อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว โปรโมทสินค้าฟรี เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ Google