ผู้เขียน หัวข้อ: ไวรัสตับอักเสบ และตับแข็งความสัมพันธ์สู่มะเร็งตับ  (อ่าน 248 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 589
    • ดูรายละเอียด
โรคตับที่สำคัญคงหนีไม่พ้นมะเร็งตับ ที่มีอันตรายถึงชีวิต และยังถือว่าเป็นภัยเงียบ เพราะแทบไม่มีสัญญาณเตือนในระยะแรก ถึงแม้จะไม่ใช่ผู้ที่ดื่มเหล้านั่นไม่ได้หมายความว่าความเสี่ยงในการเป็นโรคดังกล่าวจะน้อยลงตามไปด้วย เนื่องจากโรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ รวมถึงการเป็นโรคตับชนิดอื่น ๆ มาก่อนทั้งโรคตับแข็ง และไวรัสตับอักเสบบี


โรคตับที่คุณควรระวังมีอะไรบ้าง

โรคตับมีสาเหตุที่เกิดขึ้นอย่างหลากหลายทั้งการดื่มแอลกอฮอล์ การทานอาหารประเภทปิ้งย่าง เกิดจากการติดเชื้อไวรัส หรือแม้แต่มาจากพันธุกรรม เป็นต้น ด้วยสาเหตุเหล่านี้อาจพูดได้ว่าโรคตับเป็นโรคที่มีความเสี่ยงสูง และเป็นโรคที่อยู่รอบตัวเรา โดยโรคตับที่อันตราย และมีความสัมพันธ์กันที่เรารู้จักกันดีอยู่แล้ว ได้แก่

    โรคไวรัสตับอักเสบบี
    โรคตับแข็ง
    โรคมะเร็งตับ


1. โรคไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B)

เป็นโรคตับที่อันตรายแต่หลายคนอาจมองข้ามไป เนื่องจากยังไม่รู้ว่าโรคนี้เป็นโรคติดต่อ โดยผู้ที่เป็นพาหะมักจะไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมาทำให้สังเกตได้ยาก อีกทั้งโรคไวรัสตับอักเสบบียังเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคมะเร็งตับอีกด้วย
 
กลุ่มเสี่ยงโรคไวรัสตับอักเสบบี

    ผู้ที่สัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ หรืออยู่ในพื้นที่ของการระบาด
    การไม่ป้องกันเมื่อมีเพศสัมพันธ์
    การใช้ของส่วนตัวร่วมกัน เช่น แปรงสีฟัน กรรไกรตัดเล็บ
    การใช้เข็มฉีดยาซ้ำ

อาการของไวรัสตับอักเสบบี

    ระยะเฉียบพลัน : ตัวเหลือง มีไข้อ่อนเพลีย อาเจียน ปวดท้องด้านขวา และมีอาการอ่อนเพลีย โดยอาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นภายใน 4 เดือนหลังรับเชื้อ
    ระยะเรื้อรัง :  ตับทำงานผิดปกติ อาจมีอาการอ่อนเพลีย และเบื่ออาหาร

โรคไวรัสตับอักเสบสามารถรักษาให้หายได้ภายใต้คำแนะนำ และรับการดูแลจากแพทย์ เพื่อป้องกันภาวะที่อาจแทรกซ้อน และลดโอกาสการแพร่กระจายเชื้อไวรัสต่อผู้อื่น

การป้องกันไวรัสตับอักเสบบี

    ตรวจสุขภาพ และความสมบูรณ์ของตับ
    ฉีดวัคซีนเพื่อรับการป้องกันที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
    หลีกเลี่ยงพื้นที่การระบาดของไวรัส
    ไม่สัมผัส หรืออยู่ใกล้ผู้ป่วยที่มีเชื้อ
    หลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น

 
2. โรคตับแข็ง (Liver Cirrhosis)

เป็นโรคที่เกิดขึ้นจากความเสียหายของตับจนเกิดเป็นแผลเป็นที่ร่างกายไม่สามารถรักษาให้หายเองได้ จนเกิดเนื้อเยื่อพังผืดแทรกขึ้นในเวลาต่อมา ส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดผิดปกติ เป็นสาเหตุให้ตับทำงานได้น้อยลงทั้งการผลิตโปรตีน และประสิทธิภาพการทำลายสารพิษ

 
กลุ่มเสี่ยงโรคตับแข็ง

หลายคนคงเข้าใจว่าต้องดื่มเหล้าเท่านั้นจึงจะส่งผลให้ตับแข็ง ซึ่งไม่ถูกต้องเนื่องจากโรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้แม้จะไม่ดื่มเหล้า ด้วยสาเหตุที่ควบคุมไม่ได้ เช่น ปัญหาการทำงานของภูมิต้านทาน และสาเหตุอื่น ๆ ดังนี้

    ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ หรือเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง
    ผู้ที่ร่างกายได้รับสารพิษ หรือการทานยาบางชนิดเป็นเวลานาน
    เป็นโรคไวรัสตับอักเสบ ภาวะหัวใจวายเรื้อรัง
    ความผิดปกติของภูมิต้านทานที่หันมาทำลายตับ
    ผู้ที่ทานไขมันเยอะจนเกิดไขมันสะสมบริเวณตับมากจนเกินไป

 
อาการของโรคตับแข็ง

    ตัวเหลืองตาเหลือง
    อ่อนเพลีย ไม่อยากอาหาร คลื่นไส้ และอาเจียน
    เมื่อเป็นแผลเลือดจะออกง่าย เลือดจะแข็งตัวยากขึ้น
    คันบริเวณผิวหนัง ขาและท้องบวมใหญ่

นอกจากนี้ยังมีอาการทางสมอง เช่น ไม่มีสมาธิ หรือขี้หลงขี้ลืม ซึ่งเกิดจากการสะสมของสารพิษในเลือด และยังมีอาการเลือดออกบริเวณกระเพาะอาหารส่วนบน หรืออาจพบที่หลอดอาหาร อาการนี้ถือว่ามีอันตรายสูงมากจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน

 
การป้องกันโรคตับแข็ง

    ตรวจการทำงานของตับเพื่อหาความผิดปกติ
    ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี
    งดดื่มแอลกอฮอล์
    พักผ่อนให้เพียงพอ
    พยายามควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกินมาตรฐาน

สำหรับการรักษาโรคตับแข็งสามารถทำได้หลายวิธี โดยหลักแล้วจะเป็นการเลิกละพฤติกรรมที่ทำลายสุขภาพ และหันมาดูแลตนเองมากขึ้น เพื่อให้ตับไม่เสียหายมากกว่าเดิม และป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

 
3. โรคมะเร็งตับ (Liver Cancer)

ขึ้นชื่อว่ามะเร็งมักไม่แสดงอาการในช่วงแรก รวมถึงมะเร็งตับด้วยเช่นกัน กว่าอาการจะแสดงออกมาอาจอยู่ในระยะสุดท้ายที่ยากจะรักษา ถึงแม้ว่าเพศชายจะมีความเสี่ยงสูง แต่โรคนี้ยังคงอันตรายต่อเพศหญิงด้วยเช่นกัน

 
กลุ่มเสี่ยงโรคมะเร็งตับ

โรคนี้สามารถเกิดขึ้นจากตับเอง หรือการติดเชื้อมะเร็งมาจากอวัยวะอื่น นอกจากนี้โรคร้ายนี้ยังเกิดได้จากโรคตับแข็ง และโรคไวรัสตับอักเสบบีที่ได้กล่าวถึงไปแล้วได้อีกด้วย สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงมะเร็งตับ มีดังนี้

    ผู้ที่ติดแอลกอฮอล์
    การได้รับยา หรือสารเคมีที่ส่งผลต่อตับ
    ผู้ที่มีเครือญาติเป็นโรคมะเร็งตับ
    การเป็นโรคไวรัสตับอักเสบ เบาหวาน หรือตับแข็ง

 
อาการของโรคมะเร็งตับ

มะเร็งตับมักไม่แสดงอาการในระยะแรก ดังนั้นจึงต้องสังเกตสัญญาณเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ประกอบกับตรวจคัดกรองมะเร็งตับเพื่อให้ทราบผลที่แน่นอน โดยอาการที่บ่งบอกได้ว่ามีความเสี่ยงมะเร็งตับ มีดังนี้

    อ่อนเพลียเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน และน้ำหนักลด
    มีอาการตัวเหลือง และตาเหลือง
    มีอาการท้องบวมโต และรู้สึกแน่นท้อง
    คลำเจอก้อนบริเวณตับ
    ปวดท้องด้านขวาบน อาจปวดขึ้นไปถึงไหล่

การรักษาโรคนี้จะรักษาตามอาการ ความรุนแรง และสภาพร่างกายของผู้ป่วยซึ่งสามารถรักษาได้หลายวิธีทั้งการผ่าตัด การทำเคมีบำบัด และการใช้รังสีรักษา หากตรวจพบอาการติดเชื้อไวรัสได้ไวจะยิ่งมีโอกาสรักษาได้มากขึ้นเช่นกัน


การป้องกันโรคมะเร็งตับ

    การป้องกันตนเองจากโรคไวรัสตับอักเสบบี และมะเร็งตับด้วยการตรวจสุขภาพ และฉีดวัคซีน
    การทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดอาหารประเภทปิ้งย่าง และแอลกอฮอล์
    ไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่น และดูแลสุขอนามัยอยู่เสมอ ๆ
    พยายามไม่ให้น้ำหนักเกินมาตรฐานเพื่อป้องกันไขมันสะสมที่ตับ
 
ไวรัสตับอักเสบ และตับแข็งประตูสู่มะเร็งตับ

จากที่เราได้รู้กันแล้วว่า ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากไวรัสตับอักเสบจะทำให้ก่อเกิดโรคตับแข็ง และตับแข็งยังเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคมะเร็งตับที่อันตรายอีกด้วย ดังนั้นการป้องกันโรคตับแข็ง และไวรัสตับอักเสบไว้จึงเป็นหนทางสำคัญในการหนีห่างมะเร็งตับ ทั้งการรับวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี การตรวจการทำงานของตับ และตรวจมะเร็งตับ ล้วนแต่เป็นวิธีที่เราควรปฏิบัติทั้งสิ้น


ไวรัสตับอักเสบ และตับแข็งความสัมพันธ์สู่มะเร็งตับ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/disease-conditions/177

 

ลงประกาศฟรี โฆษณาฟรี ลงประกาศขายบ้านฟรี ลงประกาศขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ขายรถ สินค้าอุตสาหกรรม อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว โปรโมทสินค้าฟรี เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ Google