การกำหนดงบประมาณสำหรับการซื้อบ้านต้องพิจารณาปัจจัยหลายอย่าง รวมถึงรายได้ เงินออม หนี้สิน และค่าใช้จ่ายของคุณ ต่อไปนี้เป็นวิธีที่คุณสามารถทำตามได้เพื่อกำหนดงบประมาณของคุณในการซื้อบ้าน
1. คำนวณอัตราส่วนหนี้สินต่อรายได้ของคุณ
จำนวนหนี้ที่คุณมีเทียบกับรายได้ของคุณ มีส่วนสำคัญอย่างมาก เพราะธนาคารผู้ให้กู้มักต้องการเห็นว่าคุณมีความสามารถที่จะคืนเงินที่กู้ได้จริง ซึ่งอัตราส่วนหนี้สินต่อรายได้ที่ธนาคารมักอยากเห็นคือ 36% หรือน้อยกว่า
วิธีคำนวณอัตราส่วนหนี้สินต่อรายได้
1.รวมยอดชำระหนี้สินรายเดือนทั้งหมดของคุณ (เช่น การกู้ยืมเพื่อการศึกษา สินเชื่อรถยนต์ การจ่ายบัตรเครดิต) ยกตัวอย่าง คุณมีผ่อนรถยนต์อยู่ที่เดือนละ 9000 บาท และผ่อนบัตรเครดิตอีกเดือนละ 1300 บาท แปลว่า คุณมีหนี้สินต้องผ่อนต่อเดือนอยู่ที่ 10,300 บาท
2.รายได้ต่อเดือนของคุณ ก่อนหักภาษีและอื่นๆ สมมติว่า คุณมีเงินเดือนอยู่ที่ 50,000 บาทต่อเดือน
3.วิธีคำนวณอัตราหนี้สินต่อรายได้ ก็คือ
(หนี้สินต่อเดือน / รายได้ต่อเดือนของคุณ) x 100 = อัตราหนี้สินต่อรายได้คุณ
นั่นคือ (10,300/50,000) x 100 = 20.6%
จากตัวอย่าง 20.6% ก็ถือว่าคุณมีสุขภาพการเงินที่แข็งแรง สามารถขอกู้ซื้อบ้านได้อยู่ แต่หากเปอร์เซนต์ของคุณสูงมากกว่า 43% คุณอาจจำเป็นต้องลดหนี้สิน หรือเพิ่มรายได้ให้มากขึ้นก่อนเพื่อที่จะขอกู้ได้
2. กำหนดจำนวนเงินที่คุณสามารถจ่ายได้สำหรับบ้าน
การคำนวณความสามารถในการจ่ายเพื่อประเมินว่าคุณสามารถจ่ายได้เท่าไรสำหรับบ้าน ส่วนใหญ่แล้ว ธนาคารมักกำหนดอัตราการผ่อนชำระรายเดือนไม่เกิน 40% ของรายได้ (อีก 60% เป็นรายได้ในการดำรงชีพ) ตัวอย่างเช่น
คุณมีรายรับเป็นเงินเดือน 50,000 บาท แต่มีหนี้สินต้องจ่ายเดือนละ 10,300 บาท ธนาคารจะประเมินรายรับของคุณคือ 50,000 - 10,300 = 40,300 บาท และ 40% ของรายรับหลังหักรายจ่ายก็คือ 16,120 บาท หมายความว่า ธนาคารจะมองว่าคุณมีกำลังผ่อนชำระต่อเดือนที่ 16,120 บาทต่อเดือน นั่นเอง จากนั้นก็นำเอา ความสามารถในการผ่อนต่อเดือน มาคุณกับ 150 บาท ก็จะทราบวงเงินกู้สูงสุดของคุณ
ตัวอย่างเช่น คุณมีเงินเดือน 50,000 บาท หลังหักค่าใช้จ่าย มีความสามารถผ่อนอยู่ที่เดือนละ 16,120 บาท วงเงินกู้สูงสุดที่ขอได้จะอยู่ที่ 16,120 x 150 = 2,418,000 บาท
แน่นอนว่า การคำนวณนี้เป็นเพียงการประเมินเบื้องต้นเท่านั้น และนอกเหนือจากเงินผ่อนบ้านต่อเดือนแล้ว คุณยังต้องเตรียมงบประมาณสำหรับภาษีค่าโอน ประกันบ้าน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ เมื่อซื้อบ้านไว้ด้วย
3. พิจารณาเงินดาวน์ของคุณ
โดยทั่วไป ยิ่งวางเงินดาวน์มาก ค่าผ่อนบ้านรายเดือนของคุณก็จะยิ่งต่ำลง อย่างไรก็ตาม คุณจะต้องเก็บเงินให้เพียงพอสำหรับเงินดาวน์ก่อนจึงจะสามารถซื้อบ้านได้ ในประเทศไทย กำหนดการวางเงินดาวน์ขั้นต่ำ สำหรับคอนโดที่ 5% และบ้านที่ 10% ของราคาซื้อ แต่ถ้าเป็นไปได้ เราแนะนำให้วางเงินดาวน์อย่างน้อย 20% ของราคาซื้อ (อ่าน: ทำไม เราควรวางเงินดาวน์ 20% เมื่อซื้อบ้าน)
ขายบ้านโคราช: ควรซื้อบ้านราคาเท่าไรดี วิธีกำหนดงบซื้อบ้านที่เหมาะกับคุณ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://homes-realestate.com/